Thursday, March 28, 2013

เห็นกายในกาย คืออย่างไร

     เย็นวันหนึ่งระหว่างขับรถทางไกล ผมเปิดวิทยุทหารอากาศ AM 945 kHz ฟังแนวทางเจริญวิปัสสนา(ชุดเทปวิทยุ) ครั้งที่เท่าไหร่จำไม่ได้ ท่าน พ.อ.ชินวุธ สุนทรสีมะ เป็นตัวแทนผู้ฟังซักถามท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เกี่ยวกับมหาสติปัฏฐานสูตร มาถึงอิริยาปถบรรพะ ผมสงสัยเรื่องนี้มานานเกี่ยวกับสำนวน "กายในกาย" ได้ความกระจ่างในครั้งนี้เอง จึงหยุดรถ เอาเศษกระดาษใบเสร็จค่าน้ำมันออกมาจด ใส่กระเป๋าสตางค์ไว้ น่าจะเกินสองปีแล้ว ตอนนี้ยังอยู่ในกระเป๋าสตางค์เหมือนเดิม ผมจดไว้ว่า

ยืน

- ก่อน "เรา" ยืน => อัตตา 
- หลัง ปัญญาเกิด สติเกิด => อนัตตา มีแต่ลักษณะของมหาภูตรูป


เห็นกายในกาย คือ เห็นความเกิดขึ้นและเสื่อมไป (อนิจจัง) ของธรรมทั้งหลายที่เกี่ยวเนื่องด้วยกาย ว่าเป็นแต่เพียงรูปนามแต่ละลักษณะ ไม่เป็นอัตตาตัวตนแต่อย่างใด เช่น

ขณะยืนเท้าเปล่าบนพื้นหินอ่อน

บางครั้งสติเกิด ระลึกรู้ลักษณะแข็งในธาตุดินของพื้น บริเวณพื้นเท้า ขณะนั้นไม่มี "เรา" มีแต่มหาภูตรูป ธาตุดิน กระทบกับกายปสาทรูปซึ่งอยู่ที่พื้นเท้า เกิดกายวิญญาณจิตในที่นั้น รู้ความแข็งของพื้น ความแข็งเป็นเพียงลักษณะของมหาภูตรูปคือธาตุดิน ไม่ใช่ สัตว์ บุคคล ตัวตน จิตเป็นเพียงนามที่เกิดขึ้นรู้ลักษณะแข็งนั้น ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน การประชุมของมหาภูตรูป กายปสาทรูป และกายวิญญาณจิต เป็นไปเพียงชั่วขณะ เป็นอนิจจัง เกิดขึ้นแล้วดับไปอย่างรวดเร็ว สั้นมาก เป็นทุกข์ดำรงอยู่ไม่ได้นาน เป็นอนัตตา หาความเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตนใด ๆ จากการประชุมของปรมัตถธรรมทั้งหลายเหล่านั้นไม่ได้เลย ไม่ควรที่จะยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวเรา ของเรา ใด ๆ ทั้งสิ้น

บางครั้งสติเกิด ระลึกรู้ลักษณะเย็นในธาตุไฟของพื้น บริเวณพื้นเท้า ขณะนั้นไม่มี "เรา" มีแต่มหาภูตรูป ธาตุไฟ กระทบกับกายปสาทรูปซึ่งอยู่ที่พื้นเท้า เกิดกายวิญญาณจิตในที่นั้น รู้ความเย็นพื้น ความเย็นเป็นเพียงลักษณะของมหาภูตรูปคือธาตุไฟ ไม่ใช่ สัตว์ บุคคล ตัวตน จิตเป็นเพียงนามที่เกิดขึ้นรู้ลักษณะเย็นนั้น ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน การประชุมของมหาภูตรูป กายปสาทรูป และกายวิญญาณจิต เป็นไปเพียงชั่วขณะ เป็นอนิจจัง เกิดขึ้นแล้วดับไปอย่างรวดเร็ว สั้นมาก เป็นทุกข์ดำรงอยู่ไม่ได้นาน เป็นอนัตตา หาความเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตนใด ๆ จากการประชุมของปรมัตถธรรมทั้งหลายเหล่านั้นไม่ได้เลย  ไม่ควรที่จะยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวเรา ของเรา ใด ๆ ทั้งสิ้น

บางครั้งสติเกิด ระลึกรู้ลักษณะเคร่งตึงในธาตุลมของกล้ามเนื้อเท้า ขณะนั้นไม่มี "เรา" มีแต่มหาภูตรูป ธาตุลม กระทบกับกายปสาทรูปซึ่งอยู่ที่กล้ามเนื้อเท้า เกิดกายวิญญาณจิตในที่นั้น รู้ความเคร่งตึงในกล้ามเนื้อเท้า ความเคร่งตึงเป็นเพียงลักษณะของมหาภูตรูปคือธาตุลม ไม่ใช่ สัตว์ บุคคล ตัวตน จิตเป็นเพียงนามที่เกิดขึ้นรู้ลักษณะเคร่งตึงนั้น ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน การประชุมของมหาภูตรูป กายปสาทรูป และกายวิญญาณจิต เป็นไปเพียงชั่วขณะ เป็นอนิจจัง เกิดขึ้นแล้วดับไปอย่างรวดเร็ว สั้นมาก เป็นทุกข์ดำรงอยู่ไม่ได้นาน เป็นอนัตตา หาความเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตนใด ๆ จากการประชุมของปรมัตถธรรมทั้งหลายเหล่านั้นไม่ได้เลย ไม่ควรที่จะยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวเรา ของเรา ใด ๆ ทั้งสิ้น

สติจะเกิดระลึกรู้การประชุมของธรรมมะใดที่เกี่ยวเนื่องด้วยกายหรือไม่ ไม่สามารถเจาะจงเอาได้ เพราะ สัพเพ ธัมมา อนัตตา บังคับให้เป็นไปตามต้องการไม่ได้ แต่การเจริญกุศลทุกประการ ไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงใด จะเกื้อกูลให้สติเกิดขึ้นได้ มากขึ้น บ่อยขึ้น จนกว่าจะเห็น กายในกาย ในระดับขั้น "ประจักษ์แจ้ง" เป็นวิปัสสนาญาณ ไถ่ถอนตัวตน ละคลายกิเลสได้ตามลำดับ

สำหรับเห็น เวทนาในเวทนา / จิตในจิต / ธรรมมะในธรรมมะ ก็โดยนัยยะเดียวกันกับ เห็นกายในกาย ครับ

นิมิต ชมนาวัง
28 มีนาคม 2556

To be done: เหลือเพิ่มพระสูตรอ้างอิง